top of page
Writer's pictureเที่ยวแปลกใหม่

"อุตส่าห์บินไปดูถึงสนาม" ไดอารี่เด็กหงส์ วันชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมป์เปียนลีก 2018



บล๊อคนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับท่องเที่ยวนะฮะ แค่อยากจะเล่าประสบการณ์ของผมและเพื่อนในฐานะหนึ่งในแฟนหงส์แดง "ลิเวอร์พูล" จากประเทศไทยที่ได้มีโอกาสบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปเชียร์เกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ครั้งที่ 63 ระหว่าง เรอัลมาดริด กับ ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2018 ณ กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน


ไม่ใช่การวิเคราะห์หรือวิจารณ์เกมนะครับ มีคนทำไปเยอะแล้ว และเราเองก็ไม่ใช่นักวิเคราะห์ อาจจะโดนล้อสมน้ำหน้าแต่แค่แชร์ประสบการณ์และบรรยากาศที่สนามในวันนั้น


(ขอบอไว้ก่อนนะ ว่าพวกเราไม่ใช่กลุ่มคนรวยที่อยู่ ๆ ตัดสินใจอะไรแบบนี้ แต่ด้วยความโชคดีที่ตอนนั้นไปทำงานอยู่แถบยุโรปตะวันออกกันพอดี)



มั่นใจเลยว่าสำหรับคอบอลทั่วโลกทุกคน (โดยเฉพาะเด็กหงส์ที่ในช่วงนั้นกำลังฮึกเหิมและปากดีสุด ๆ) เฝ้ารอดูเกมนัดนี้ เรอัลมาดริด ลุ้นเป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 13 และ 3 สมัยติดต่อกัน ระหว่างที่ ลิเวอร์พูล ลุ้นเป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 หลังจากไม่ได้ผ่านเข้ารอบชิงนานถึง 11 ปี


ช่วงฤดูกาล 2017-2018 ก็ยังเป็นปีที่ผู้เล่นและแผนของยอดผู้จัดการอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ เริ่มจะลงตัวเป็นระบบทีมเวิร์คมากว่าการหวังพึ่งผู้เล่นใดคนหนึ่ง การจากไปของ ฟิลิปเป คูตินโญ แทบจะไม่มีผลกระทบต่อการเล่นของทีม ลิเวอร์พูล เริ่มมีการซื้อ-ขายนักเตะที่ดีขึ้น เริ่มทุ่มเงินเพื่อซื้อนักเตะค่าตัวสถิติโลก จบฤดูการที่ 4 แล้วยังเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก อีกกก ทุกอย่างลงตัวขนาดนี้แล้วเด็กหงส์ทั้งโลกจะไม่หลุดโลก เพ้อ โม้ทั้งวันได้ไง


ความโชคดีที่ได้บินไปดูมันเริ่มมาจากตรงนี้ ....


 

วันที่ 24 เมษายน 2018 ลิเวอร์พูล พบ เอเอส โรม่า ในรอบ Semi-finals รอบแรก ที่ แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอเอส โรม่า ไปอย่างสบาย ๆ 5 - 2

ลิเวอร์พูล พบ เอเอส โรม่า ในรอบ Semi-finals รอบแรก ที่ แอนฟิลด์ - รูปจากเฟสบุค Liverpool FC

ระหว่างเกมคุยกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในกลุ่มกันอย่างเมามันและสะใจ และอยู่ดี ๆ (กลุ่มนี้มี 3 คนที่เป็นเด็กหงส์ นั่นก็คือ พี่ปิงปอง พี่เบสท์ และ ผม) พี่ปิงปองก็จุดประเด็นขึ้นมาว่าจองตั๋วไปดูนัดชิงเลยดีมั้ยยย ตอนนั้นก็ยังคิดเล่น ๆ เลยว่า เออ....น่าสน บินไปนี่ (ตอนนั้นอยู่ที่ตุรกี) ไปแค่ 2 ชั่วโมงเอง ที่สำคัญคือมี direct flight !!

เริ่มมีการชวนเกิดขึ้น

 

วันที่ 2 พฤษภาคม 2018 ลิเวอร์พูล พบ โรม่า อีกครั้งที่ สตาดีโอโอลิมปีโก ครั้งนี้ โรม่าเล่นมีมาก ๆ

งั้นฟอร์มเก่งเอาชนะลิเวอร์พูลไปด้วยสกอร์ 4-2 แต่รวมสกอร์สองนัดไม่เพียงพอสำหรับเจ้าบ้าน สกอร์รวม 7-6 ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายชนะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2007

ลิเวอร์พูล พบ โรม่า อีกครั้งที่ สตาดีโอโอลิมปีโก - รูปจากเฟสบุค Liverpool FC

ตอนนั้นก่อนหมดเวลาการแข่งขัน 5 นาที พี่เบสท์และผม ซึ่งดูอยู่ด้วยกันตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินกันเลย โดยในตอนนี้ค่าเครื่องบิน ไป-กลับ ตุรกี-ยูเครน อยู่ที่ 4,000 กว่าบาทเอง เอาเว้ย อย่างน้อยก็ไปเอาบรรยากาศ อย่างอื่นค่อยว่ากัน

คิดเป็นเงินไทยประมาณ 4 พันกว่าบาท

แต่พี่ปิงปองผู้ปลุกความบ้านี้กลับติดงานไปไม่ได้

คนชวนกลับไปไม่ได้

อย่างจากนั้น.....ความเครียดตลอด 3 อาทิตย์ก่อนวันก่อนนัดชิงก็เริ่มตามมา


ความเครียดที่ 1 แล้วนายจะให้ไปหรอวะ ?!?!

แม้ว่าวันที่เตะจะเป็นช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ แต่เราไปตุรกีเพื่อทำงาน ถ้านายไม่ใช้ออกนอกประเทศหรืออยู่ดี ๆ มีงานด่วนจะทำไงดี แต่ทำไงได้อุตส่าห์ซื้อตั๋วไปแล้ว และเพียงแค่ 1 คืน ราคาตั๋วเครื่องบินดีดตัวขึ้นสูงถึง 30,000 กว่าบาทแล้ว ตามเว็บบอร์ดบอลต่าง ๆ มีแต่คนพยายามหาตั๋วไปกรุงเคียฟกัน แทบทุกสายการบินที่บินตรงกรุงเคียฟขึ้นราคาหมด พวกเราไม่รอช้า เช้าตรูวันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม เดินเข้าไปหานายเพื่อขออนุญาตทันที และ.....นายใจดี อนุญาต !!!


ความเครียดที่ 2 นอนที่ไหนดี

แทบจะทุกเวปหาโรงแรมรวมแทบไม่มีห้องว่างเหลือเลย และที่สำคัญราคาสูงเวอร์ !! ราคาเริ่มที่ 1,000+ ดอลลาร์สหรัฐ ต่อคืนหมด เหลือไม่กี่ห้อง แม้แต่ AirBnB ก็อัฟราคากันอย่างสนุกสนาน นั่งหาที่พักกันตลอดทั้ง 2 สัปดาห์ ที่ราคาสมเหตุสมผล ตอนนั้น เตรียมเต้นไว้แล้ว แบบเอาว่ะ ไม่มีที่นอนหลังเกมจบฉลองแชมป์เสร็จแล้วกางเต้นนอนแถวนั้นก็ได้ สุดท้ายพี่เบสท์หาเจอครอบครัวลุงป้าเปิดบ้านไม่ไกลจากรถไฟท้ายดินให้เช่าในราคาที่พอรับได้ ประมาณ 7,000 บาทต่อคน


ความเครียดที่ 3 แล้วตั๋วบอลล่ะ???

ราคาตั๋วสดดีดสูงขึ้นมา โดยเฉพาะที่นั่งฝั่งลิเวอร์พูล ขึ้นไปนู้นเลย 6 หมื่นกว่า ๆ ต่อคน จะบ้าตายทำไงดี ฝั่งเรอัล มาดริด จะถูกกว่าหน่อยแต่จะนั่งฝั่งนู้นได้ไง?? ฉันต้องนั่งเชียร์กับเพื่อนหงส์ของฉันเท่านนั้น!! การตามหาตั๋วดำเนินไปเรื่อย ๆ พี่เบสท์บอกว่าใจเย็น ๆ หาได้แน่ ๆ ใกล้วันมันจะถูกลง ทุกวันเราก็จะนั่งเปิดเช็คราคาตั๋ว.......จนถึงวันเดินทาง....


 

วันที่ 25 พฤษภาคม 2018 และแล้วก็วันเดินทาง

วันนั้นจิตใจอยู่แต่กับวันที่ 26 นั่งทำงานไปร้องเพลง You'll Never Walk Alone กับ Allez! Allez! Allez! ไปทั้งวัน เลิกงานปุ๊บรีบกลับบ้าน ทานข้าว จัดกระเป๋า และออกไปสนามบินเลย โดยปกติแล้วสนามบินกรุงอังการา เป็นสนามบินขนาดกลาง ไม่วุ่นวาย ไม่แออัด แต่วันนั้น กลับเต็มไปด้วยแฟนบอลทั้งหงส์และราชัน เดินทางไปเปลี่ยนเครื่องสู่กรุงเคียฟกัน บรรยากาศกาศตอนนั้นมันวิเศษมาก ๆ แฟนบอลทั้งสองทีมต่างผลัดกันร้องเพลงและข่มกันอย่างมิตร (แต่รู้สึกว่าแฟนหงส์จะห้าวกว่ามาก 555) แต่ไม่มีการทะเลาะหรือพูดจาไม่ดีให้เสียความรู้สึกกัน ต่างคนต่างเฝ้ารอเกมที่คอบอลทั่วโลกทุกคนรอดู

boarding pass กรุงอังการา - กรุงเคียฟ

บรรยากาศบนเครื่องบิน แฟนหงส์นั่งร้องเพลงตลอดการเดินทาง 2 ชม. จนถึงกรุงเคียฟ ระหว่างที่แฟนราชันนั่งเงียบและยิ้มเบา ๆ ไปตลอดทาง (จำนวนแฟนราชันบนเครื่องน่าจะแค่ 30% ของแฟนหงส์ได้)

ที่พัก เอาได้เลยว่าเมื่อเทียบกับราคานี่แพงมาก ๆ ๆ เป็นลุง-ป้ายูเครน (ลุงชื่ออเล็กซ์ ป้าชื่อวาเลนไทน์) พูดอังกฤษไม่ได้เลย เปิดแฟลตที่เก่าโทรมของเขาให้เช่าช่วงนั้น แฟลตนี้มี 4 ห้อง ห้องรับแขกกับ ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องครัว แบบเดิน 5 ก้าวก็ทั่วทั้งบ้าน

เตียงพับได้กางอยู่ในมุมห้อง ฝ้าห่ม-ฝ้าปูเตียงกลิ่นเหมือนไม่เคยซักมาเป็นปี

ห้องรับแขกทั้งห้องเป็นของเรา

ห้องนอน มีแฟนลิเวอร์พูลจากอังกฤษเช่า ของเรามา 2 คน นอนห้องรับแขก ส่วนลุงป้าไปนอนในห้องครัว

บ้างลุง-ป้าเลี้ยงน้องแมว 1 ตัว ขี้เล่น น่ารักและเหม็นมาก

ยืนติดประตูสุด ๆ แล้ว ห้องน้ำเล็กมาก ข้าง ๆ คือห้องน้ำน้องแมว

กว่าจะถึงก็ตี 3 กว่า ๆ แล้ว แต่ ตั๋วยังไม่มี เอาจริง ๆ ตอนนั้น ถูกบิ้วมาตลอดทาง อารมณ์มันยังไงก็ต้องเข้าไปดูใน เปิดเวป viagogo หาตั๋วกัน ตอนนั้นราคาต่ำสุดที่ไม่ใช่ฝั่งเรอัล มาดริด ไม่ระบุฝั่ง และที่แน่ ๆ ไม่ใช่ฝั่งลิเวอร์พูล ตกแล้วคนล่ะ 3 หมื่นได้ มองหน้ากันแล้วก็เอาว่ะ!! ครั้งหนึ่งในชีวิต จอง-จ่ายเงินและรีบนอนเก็บแรงวันพรุ่งนี้ ...... ตลอดทั้งคืนตื่นประมาณ 3-4 ครั้งเพราะเหม็นฉี่แมวมากกกกก

น้องแมวของลุง-ป้า ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว

 

วันที่ 26 พฤษภาคม 2018 วันชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมป์เปียนลีก 2018

ตื่นมาแบบง่วง ๆ งง ๆ ประมาณ 11 โมงเช้า รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว นอนไม่ค่อยหลับ น่าจะเพราะตื่นเต้นและฉี่แมว (ไม่ใช่คนเลี้ยงแมวเลย sensitive กับกลิ่นมาก เพราะพี่เบสท์ไม่ค่อยรู้สึก พี่เขาว่าเขาเลี้ยงแมว)

ลุง-ป้าเตรียมอาหารเช้าให้

แต่งตัวใส่ชุดลิเวอร์พูลกัน แล้วออกจากแฟลตเข้าเมืองเลย บอกลุงป้าว่า อาจจะกลับมาประมาณตี 3-4 หรือเช้าไปเลย ลุงป้าเขียนที่อยู่และเบอร์ไว้กับเราเผื่อหาทางกลับไม่เจอ ทางเดินไปสถานีรถไฟฟ้าประมาณ 10 ปี ตลอดทางมีกลิ่นอายของสหภาพโซเวียตมาก ทั้งบรรยากาศและสภาพอาคารต่าง ๆ มโนกันไปว่าอยู่ Chernobyl

ระหว่างทางเดินไปสถานีรถไฟ

ตอนนั้น เวปขายตั๋วส่งอีเมลมาบอกว่า payment complete แล้วจะแจ้งให้ทราบว่าไปตั๋วที่ไหนได้ประมาณบ่าย ๆ

ถ้วยแชมป์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางเมืองเลย มีคนมาถ่ายรูปมากมาย

บรรยากาศวันนั้น บอกได้เลยว่าสุดยอดมาก ๆ โดยเฉพาะใจกลางเมือง เต็มไปด้วยแฟนบอลจากทั่วโลกเป็นแสน ใส่เสื้อบอลทีมโปรด เดิน กิน ดื่ม เฮฮา กัน ทางการยูเครนปิดถนนเส้นหลักในใจกลางเมืองทั้งเส้นให้แฟน ๆ เดินกัน วันนั้นแทบจะพูดได้เลยว่า ปิดเมือง

ถนนสายหลัก กลายเป็นคนสำหรับคนเดินในวันนั้น มีแฟนบอลเดินกันเป็นแสน

แฟนบอลทั้งสองทีมต่างเฮฮาทักทายถ่ายรูปกันอย่างเป็นมิตร

แฟนบอลทั้งสองทีมถ่ายรูปร่วมกันที่หน้าวิหารเซนต์โซเฟีย (Saint Sophia's Cathedral) สถานที่ท่องเที่ยวดังแห่งกรุงเคียฟ

พวกเราก็เดินเที่ยวกัน ดื่มกัน ร้องเพลงเชียร์ เฮฮ่ากันตลอดวัน เจออะไรไม่ได้เลยต้องแวะถ่ายรูป แวะทักทายแฟนบอลจากทั้งสองทีม รอเวลาไปรับตั๋ว เวลาถามว่าทีมใครไหนจะชนะ ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ลิเวอร์พูล" 5555

Maidan Nezalezhnosti หรือ Independence Square (จัตุรัสอิสรภาพ) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง

กรุงเคียฟ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 7 ของยุโรป แต่มีระบบการขนส่งคมนาคมที่จัดว่าถูกและดีเยี่ยมมาก ๆ เนื่องจาากโซเวียตสร้างไว้ ค่าครองชีพไม่แพงเลย ตัวเมืองเองก็สวยและมีเสน่ห์มาก ๆ มองไปทางไหนก็เป็นสีทอง ตึกรามบ้านช่องมีความเป็นสหภาพโซเวียต และที่สำคัญที่สุดผู้หญิงสวยมาก ๆ สมคำร่ำลือ


หน้า St. Michael’s Church (โบสถ์เซนต์ไมเคิล)

ยูเครนเคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของคอมมิวนิสต์มาก่อน ในอดีตศาสนาถือเป็นสิ่งต้องห้าม ปัจจุบันคนยูเครนส่วนใหญ่ ร้อยละ 85 นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ ซึ่งเป็นนิกายเก่าแก่ที่สุด

แฟนบอลนั่งดื่มและร้องเพลงกัน ณ ใจกลางเมือง

เวลาประมาณบ่าย 2 โมงเย็น....มีอีเมลเข้ามาแล้ว บอกว่าให้ไปรับตั๋วบอลได้ตอนบ่าย 3 ที่ไปรษณีย์สาขาหนึ่งเดินประมาณชั่วโมงได้ ถนนปิดหมดต้องเดินเท่านั้น...ไม่รอช้าครับ เปิด google map และเริ่มก้าวขา

ตอนนั้นบอกตรง ๆ ตื่นเต้นสุด ๆ เพราะไม่เคยร่วมกิจกรรมบอลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน สมัยก่อนเคยไปเชียร์ลิเวิอร์พูลที่แอนฟิลด์ครั้งหนึ่งมันคนละฟิลลิ่งเลย ตลอดทางเดินก็มีคนมาขายตั๋วบ้าง ราคาสูงมาก ของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้

เดินไปเรื่อย ๆ กว่าจะถึงไปรษณีย์สาขานี้ สังเกตุดูคนใส่เสื้อลิวเวอร์พูลทำไมกันน้อยลง ๆ ว่ะ เรอัล มาดริด เริ่มเยอะขึ้น ๆ จนสุดท้ายเหลือแต่ซื้อขาว แล้วมีเอเชียเสื้อแดงอยู่กันสองคน นี่มันถิ่น เรอัล มาดริด นิหว่าาา รีบรับบัตรรีบหนีกลับเร็ววววว

ได้มาแล้วววว ตั๋วเข้า

และแล้วก็ได้บัตรมา !!!! พร้อมกับความเครียดใหม่ นั่งโซนไหนว่ะ?!?! (ความเครียดที่ 4) ถ้าเป็นโซนเรอัลมาดริด นี่เซ็งเลย ภาวนากันว่ามันคือโซน Neutral ต่อด้วย ความเครียดที่ 5 บัตรจริงหรือปลอมเนี่ย ไปลุ้นกันหน้า Gate ล่ะกัน ในตอนนั้นจิตใจไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากเข้าไปนั่งอัฒจันทร์เท่านั้น พวกเราก็เดินกันต่อเป็นนั่งหน้า Gate รอเวลาเข้า

หน้าทางเข้าโอลิมปิสกี้ สเตเดี๊ยม ก่อนเกมเริ่ม 1 ชม.

นั่งรออยู่ประมาณ 1 ชม. ประตูก็เปิดและพวกเราก็เข้ามาได้ ตื่นเต้นมาก ๆ พวกเรากำลังจะได้เป็นหนึ่งในเจ็ดหมื่นคนจากทั่วโลกที่จะได้ฉลองประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสโมสรลิเวอร์พูล

สรุปได้โซน Neutral แต่ส่วนใหญ่แฟนหงส์ทั้งนั้นเลย

แฟนบอลทยอยกันเข้ามาเรื่อย ร้องเพลงกันไม่หยุด เด็กหงส์ในสนามเยอะกว่าเห็น จนแทบไม่ได้ยินเสียงแฟนบอลทีมราชันเลย เมื่อไรจะเริ่มเกมนะ รอไม่ไหวแล้วววว

อัฒจันทร์ฝั่งลิเวอร์พูล

นักเตะลงมาวอร์มร่างกาย มองเห็นมาเน่ ฟีโน่ และซาล่า ไกล ๆ

จากนั้นไม่นาน เกมประวัติศาสตร์ก็เริ่มขึ้น กรรมการเป่านกหวีด พวกเราก็เฮกัน เชียร์กัน ร้องเพลงกันสุดเสียง ทั้งสองทีมผลักกันบุกอย่างมัน จนนาทีที่ 30 เมื่อแซร์คิโอ้ รามอส เข้าปะทะแย่งบอลกับ โมฮัมเม็ด ซาล่า ก่อนที่จะล้มลงทั้งคู่ ทั้งสนามร้องเพลง Mo Salah กัน จนซาล่า กลับลุกขึ้นมาวิ่งต่อแต่สุดท้ายไม่ไหวต้องเปลี่ยนตัวออกไป

รามอสเข้าไปดูอาการซาล่าหลังจากปะทะกัน - ภาพจาพ getty images

จังหวะนี้ แฟนลิเวอร์พูลทั้งอัฒจันทร์ช๊อกครับ ใจเสียกันเป็นแถว ตัวหลักของทีมดันมาเจ็บตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก ซึ่งในตอนนั้นรามอสก็เลยโดนรับคำด่าไปเต็ม บอลไปที่รามอสเมื่อไรแฟนบอลโห่ทั้งสนาม ลิเวอร์พูลเปลี่ยนลัลลาน่าเข้ามาแทนและเล่นประคองไปจนจบครึ่งแรกยังกินกันไม่ได้ 0 - 0

ระหว่างพักแฟนลิเวอร์ออกไปซื้อเบียร์เพิ่มสูบบุหรีกันเต็มนอกสนาม ต่างก็ยังเชื่ออยู่ว่าลูกทีมยังสู้ได้

จังหวะที่คาริอุสพลาด - ภาพจาก BT Sport

แต่เมื่อเริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน คาริอุส โกลเทพฟ้าประทาน พยายามออกบอลเร็วโดยไม่จำเป็นเข้าตีน คาริม เบนเซม่า หัวหอก เรอัลมาดริด ที่กำลังกางขาอยู่ต่อหน้า จิ้มบอลเข้าประตูแบบงงกันทั้งสนาม จำได้เลยจังหวะนั้นแฟน ๆ หันหน้าออกกันและตะโกนกันว่า "What the f***?!?!?" เซ็งกันทั้งอัฒจันทร์ มีเสียงเฮดังมาจากอีกฝั่ง แฟนคนหลายคนไม่แคร์กฏแล้ว คว้าบุหรี่บอกมานั่งสูบที่อัฒจันทร์เลย สูบไปก็ด่าคาริอุสไป และใจชื้นขึ้นหน่อยเมื่อมาเน่ยิงได้ ตามมาเป็น 1 - 1 เสียงแฟน ๆ กลับมาดังอีกครั้ง ไม่แน่เว้ยสู้!!!


แต่แล้วความพลาดที่ไม่ควรเกิดก็เกิดอีกครั้งเมื่อเทพอุสซองแตกปลิ้นเข้าประตูไป ก่อนจะจบเกม เรอัลมาดริด ชนะลิเวอร์พูลไป 3 - 1......

สิ่งหนึ่งที่จำได้แม่นและประทับใจที่สุดคือก่อนหมดเวลา 3 นาที แฟนบอลต่างร้องเพลง You'll never walk alone กันดังทั้มสนาม นี่หละ ความภูมิใจที่สุดของการเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล โมเม้นนั้นน้ำตาคลอ ร่วมตะโกนร้องจนหมดเสียงก่อนที่เสียงนกหวีดจะดังหมดเวลาการแข่งขัน เรอัลมาดริดเป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 13 และ 3 สมัยติดต่อกัน....

คาริอุสร้องไห้เดินไปขอโทษแฟน ๆ

จบเกม เหลือแต่เสียงเห่จากเรอัลมาดริด คาริอุสร้องไห้เดินไปยกมือไหว้ขอโทษแฟน ๆ ที่อุตสาห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเชียร์ แฟน ๆ ส่วนปรบมือให้ตะโกนกันว่า "it's ok" ราวกับให้อภัย...ตลอดฤดูกาลนายทำได้ดีมาตลอดแต่เพราะความประมาทอ่อนประสบการณ์จึงพลาดแบบไม่น่าพลาดไปถึงสองครั้ง ฟิลลิ่ง ตอนนั้น ยกโทษให้นะ เซ็งไหม? เซ็งมาก ๆ แพ้ส่วนหนึ่งก็เพราะเอ็งนี่หละ !! อย่างไรก็ดี พวกเราคือ the kop ! ที่มาถึงนัดชิงได้ถือว่าสุดยอดมาก ๆ แล้ว ยังไงก็ YNWA!!

จบเกม ต่างคนต่างค่อย ๆ เดินออกอย่างหงอย ๆ ไม่เฮฮาเหมือนตอนเดินเข้า บ้างก็กลับโรงแรมที่พักเลย บ้างก็แวะเข้าผับ-บาร์แถวนั้น ดื่มให้กับความผิดหวัง พวกเราก็แวะดื่มพูดคุยกับแฟนหงส์และร่วมฉลองแสดงความยินดีกับแฟนเรอัลมาดริดที่มาจากประเทศต่าง ๆ จนเกือบเช้าและกลับที่พักไปนอนดมฉี่แมว


 

วันที่ 27 พฤษภาคม 2018 เที่ยวก่อนกลับบ้าน


ลุง-ป้าทราบผลบอลตอนเช้า ลากเป็ดแดงสองตัวออกไปเลี้ยงบาร์บีคิวปลอบใจ พูดกันก็ไม่ค่อยรุ้เรื่อง 555 พวกเราก็รู้ภาษารัสเซียนิดหน่อยเท่านั้น บรรยากาศเมืองกลับสู่ปกติ ไม่ค่อยเหลือแฟนบอลเดินกันไป-มาในเมืองเท่าไรแล้ว ถนนเริ่มกลับมาเปิดเหมือนเดิม คนยูเครนเท่าที่สัมผัส นิสัยดีมาก ช่วยเหลือ ต้อนรับนักท่องเที่ยว นิสัยคล้ายคนไทยมาก ๆ

ลุง-ป้าเลี้ยง BBQ ปลอบใจ

มีเวลาเที่ยวนิดหน่อยก่อนกลับได้แวะไปชมสถานีรถไฟใต้ดินที่ลึกที่สุดในโลก ยืนบนบันไดเลื่อนเป็นนาทีเลยกว่าจะถึง และในฐานะคอบอลพลาดไม่ได้คือสนามบอลของสโมสรดินาโม เคียฟ

บนบันไดเลื่อนสถานีรถใต้ดิน Arsenalna ที่ว่าลึกที่สุดในโลก ความลึก 105.5 เมตร

หน้าสนามโอลิมปิสกี เนชันแนล สปอร์ตส์ คอมเพล็กซ์

สุดท้ายนี้ ถ้าถามว่าคุ้มไหม?? หมดตังไปตั้งเยอะไปดูแล้วแพ้กลับมาเนี่ย ตอบแบบไม่คิดเลยคุ้มมากครับ การที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง (ที่เล็กมาก ๆ) ของการแข่งขันยูฟ่า แชมป์เปียนลีก เป็นประสบการณ์ที่วิเศษมาก ๆ และยังได้เพื่อนใหม่ที่น่ารักมากมายจากหลายประเทศที่เงินไม่สามารถซื้อได้ ยิ่งได้ไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ของสโมสร ได้คลุกคลีกับเดอะค็อป ยิ่งรู้สึกรักสโมสรลิเวอร์พูลมากยิ่งขึ้นไปอีก (แม้ว่าบางคนแม่งจะปากดีขี้โม้สุด ๆ ก็เหอะ) มีโอกาสก็จะตามไปเชียร์ที่ขอบสนามอีก แม้ว่าจะไม่เคยได้แชมป์ลีกมานานแล้วและไม่ใช่ทีมที่ประสบความสําเร็จเหมือนหลายทีม แต่...ผมก็ภูมิใจที่เชียร์ลิเวอร์พูลครับ......You'll Never Walk Alone!


โดย ตั้ว & เบสท์

เดอะค็อป ไดอารี่เด็กหงส์

เที่ยวแปลกใหม่

 

📷🚖📷🚘📷🚁📷🚗📷🚐📷🛴📷🚅📷🚢📷🛩️📷🚤📷⛵📷🛥️



#เที่ยวแปลกใหม่ #UCL2018 #UCLfinal2018 #Liverpool #LIV #ลิเวอร์พูล #เด็กหงส์ #หงส์แดง



0 comments

Commenti


bottom of page