รอบนี้หายหน้าไปนานมาก ประมาณ 3-4 เดือนน่าจะได้เลย เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตผมไปเยอะในช่วงที่ผ่านมา นานเลยกว่าจะลงตัว ก็หวังว่า ทุกท่านยังไม่ลืมกันนะครับ

วันนี้เพจ #เที่ยวแปลกใหม่ จะพาไปชมประเทศแปลกใหม่อีกประเทศ นั่นก็คือ ประเทศอาเซอร์ไบจาน หลายท่านอาจจะไม่เคยไป บางท่านอาจไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ จำได้เลย ครั้งแรกสุดที่ผมได้ยินชื่อประเทศนี้ เมื่อนานมากแล้ว ตอนนั้นมีสโมสรวอลเลย์บอลอาเซอร์ไบจานมาซื้อตัวนักวอลเลย์บอลหญิงไทยไปร่วมทีม จากนั้น ก็แทบจะไม่เคยได้ยินชื่อประเทศนี้อีกเลย จนกระทั่งผมได้มีโอกาสจะไปเที่ยว
อาเซอร์ไบจานเป็นประเทศในกลุ่มเอเชียกลาง Landlock ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีบริเวณติดภูมิภาคคอเคซัสใต้ ทิศเหนือติดกับรัสเซียและจอร์เจีย ทิศใต้ติดกับอิหร่าน ทิศตะวันออกติดทะเลสาบแคสเปียน ทิศตะวันตกติดกับตุรกี จอร์เจีย และอาร์เมเนีย
อาเซอร์ไบจานเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่มาก (ไทยใหญ่กว่า 6 เท่า) มีประชากรเกือบ ๆ 10 ล้านคน ประมาณ 96% ของประชากรนับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็เป็นอิสลามที่เปิดมาก ๆ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยโพกหัวเลยด้วยซ้ำ

อาเซอร์ไบจานเป็นประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากรไฮโดรคาร์บอน ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และยังเป็น แหล่งรวมแร่ต่าง ๆ อาทิ ทองคำ เงิน และเหล็ก ทำให้เศรษฐกิจของอาเซอร์ไบจานเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยกรุงบากูซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาเซอร์ไบจานเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้าง ร้านค้า ภัตตาคารอันทันสมัย มีความเป็นตะวันตกสูง และยังเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่งของภูมิภาคยุโรป ประจำปี 2559 (2016 Formula 1 Grand Prix of Europe) อีกด้วย ซึ่งฉายาของกรุงบากูก็คือ “ดูไบแห่งเอเชียกลาง”

พิมพ์มาเยอะแล้ว หวังว่า ทุกท่านยังอ่านกันอยู่นะครับ เราไปเที่ยวกันเลย ว่าประเทศอาเซอร์ไบจาน มีอะไรบ้าง ทำไมถึงน่าไปเที่ยว
กรุงบากู (Baku)

กรุงบากูเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และอุตสาหกรรมของสาธารณรัฐ อาเซอร์ไบจาน มีประชากร 2 ล้านคน และมีสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบลุ่ม (a low-lying city) เรียบชายฝั่งด้านตะวันตกของทะเลสาบแคสเปียน มีพื้นที่ขนาด 2,200 ตารางกิโลเมตร แบ่งเป็น 11 เขตการปกครอง (administrative districts) และ 5 เขตที่อยู่อาศัย (settlements)

กรุงบากูได้มีการกล่าวถึงครั้งแรกในคัมภีร์มรณะ (the Book of Dead) ของฟาโรห์ Minesan เมื่อ 3,500 ปีก่อนคริสตกาล อย่างไรก็ดี จากการสำรวจงานแกะสลักหินพบว่า กรุงบากูมีอายุเก่าแก่ราว 12,000 ปี นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานชิ้นสำคัญได้แก่ หินแกะสลักของ August Guy Octavio ทหารของจักรพรรดิ Pompey และ Lucius แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งเคยตั้งค่ายรบอยู่ห่างจากกรุงบากู 40 กิโลเมตร เพื่อยึดครองคอเคซัสตอนใต้ 100 ปีก่อนคริสตกาล

ทั้งนี้ กรุงบากูยังเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญแห่งอาณาจักร Shirvanshahs ในศตวรรษที่ 12 อาณาจักร Sefevids ในศตวรรษที่ 14 และอาณาจักรออตโตมันในศตวรรษที่ 16 ก่อนจะกลายเป็นเมืองหลวงของ the Baku khanate ภายใต้อาณาจักรเปอร์เซีย ในศตวรรษที่ 17
ย่านเมืองเก่า (the Old City)

ย่านเมืองเก่าตั้งอยู่ใจกลางกรุงบากู ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม (World Heritage Site) โดย UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 2000 ตัวเมืองเก่าล้อมรอบด้วยป้อมปราการโบราณ และกำแพงเมืองที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยยุคหินเก่า (Palaeolithic period) สถาปัตยกรรมภายในเมืองได้รับอิทธิพลจากหลายอารยธรรม อาทิ โซโรอัสเตรียน (Zorostrian) ซัสซาเนียน (Sassanian) ชีร์วาน (Shirvani) อาหรับ เปอร์เซีย ออตโตมัน และ รัสเซีย ภายในย่านเมืองเก่าประกอบด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ อาทิ พระราชวังแห่ง Shirvanshahs และ หอคอยพรหมจันทร์ (Maiden Tower) ซึ่งได้รับการเก็บรักษาไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12

หอคอยพรหมจรรย์ (Maiden Tower)

หอคอยพรหมจรรย์เป็นสัญลักษณ์ที่เก่าแก่ที่สุดในย่านเมืองเก่าและเป็นสัญลักษณ์ของ กรุงบากู คาดว่าก่อสร้างขึ้นเมื่อ 600-700 ปีก่อนคริสตกาล มีขนาดสูง 30 เมตร มีชื่อเรียก ในภาษาท้องถิ่นว่า Qız Qalası ทั้งนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าถูกสร้างขึ้นในสมัยใด และเพื่อวัตถุประสงค์ใด โดยที่มาของชื่อ “พรหมจรรย์” นักวิจัยหลายคนเชื่อว่าอาจเป็นเพราะ หอคอยดังกล่าวไม่เคยถูกทำลายโดยศัตรูใด ๆ และยังคงความบริสุทธิ์จากวันแรกที่สร้าง
พิพิธภัณฑ์พรม (Carpet Museum)

พิพิธภัณฑ์พรมจัดแสดงพรมของอาเซอร์ไบจาน วิธีการทอ และวัสดุที่ใช้ในแต่ละยุคสมัย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1967 พิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงครั้งแรกในปี ค.ศ. 1972 ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงศิลปวัตถุกว่า 10,000 ชิ้น อาทิ เซรามิก โลหะ เครื่องประดับยุคสัมฤทธิ์ (Bronze age) พรมในศตวรรษที่ 17-20 ชุดประจำชาติ งานเย็บปักถักร้อย และศิลปะร่วมสมัย

พรมอาเซอร์ไบจานได้รับการยกย่องจากองค์การ UNESCO ว่าเป็น “Masterpiece of Intangible Heritage”
อุทยานแห่งชาติโกบุสถาน (Gobustan National Park)

อุทยานแห่งชาติ Gobustan นี่เป็นที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์สำคัญอีกที่หนึ่งของอาเซอร์ไบจานเลย เพราะมันเคยเป็นสถานที่ที่มนุษย์ยุคหินตั้งรกรากไว้เมื่อประมาณ 30,000 ปีที่แล้ว

Gobustan ได้รับการประกาศเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของอาเซอร์ไบจาน เมื่อปี ค.ศ. 1966 เพื่ออนุรักษ์หินสลัก ซากปรักหักพัง องค์การ UNESCO ได้ประกาศให้อุทยานแห่งชาติ Gobustan ว่าเป็น “outstanding universal value” จากคุณภาพและความคมชัดของภาพสลักบนหิน เกี่ยวกับสัตว์ การล่าสัตว์และวิถีชีวิตในยุคก่อนประวัติศาสตร์ และความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมระหว่างยุคก่อนประวัติศาสตร์กับยุคกลาง

ภายในอุทยานมีหินสลักกว่า 6,000 ชิ้น มีอายุราว 5,000 – 30,000 ปี รวมทั้ง ถ้ำ ที่พักอาศัย และหลุมศพของมนุษย์ในยุคหินเก่าจนถึงยุคกลาง

ภูเขาไฟโคลน (Mud Volcanoes)

อาเซอร์ไบจานมีภูเขาไฟโคลนกว่า 700 แห่ง ซึ่งจะปะทุเป็นโคลนไม่ใช่แมกมาเหมือนภูเขาไฟทั่วไป ภูเขาไฟโคลนจะมีอุณหภูมิเย็นสามารถจับได้ มีขนาดเล็กกว่าภูเขาไฟทั่วไป ภูเขาไฟโคลนนี้เกิดจากดินเหลวที่อยู่ใต้ดินผสมกับก๊าซและน้ำ ดันขึ้นสู่พื้นดิน

การเดินทางไปไม่ไกลจาก Gobustan มากแต่รถธรรมดาไม่สามารถไปได้ ไม่มีถนนเข้าไปต้อง 4x4 ไปเท่านั้น

คนแถวนั้นบอกว่าทุก ๆ 10-20 ปี ภูเขาไฟโคลนจะมีการระเบิดใหญ่ แต่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

วิหารไฟบากู (Ateshgah of Baku)

แหลมแอปเชอร์รอน Absheron ตั้งอยู่ในกรุงบากู เป็นแหล่งบ่อแก๊สธรรมชาติ บางบ่อมีไฟลุกติดอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่สมัยโบราณ สถานที่นี้เชื่อว่าเป็นสถานที่เกิดของศาสนาโซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism) ซึ่งเป็นหนึ่งในศาสนาเก่าแก่ของโลกที่บูชาไฟ นับถือเทพเจ้าแห่งไฟ กำเนิดเมื่อประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว
วิหารแห่งไฟ Ateshga ตั้งอยู่ห่างจากกรุงบากูประมาณ 30 กม. เป็นวิหารที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับพิธีกรรมทางศาสนา ที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมและมีกระถางไฟอยู่ตรงกลางซึ่งติดมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว และบริเวณรอบๆ ด้านนอกมีห้อง 26 ห้อง ถูกสร้างเป็นที่พักอาศัยของพระและผู้ศรัทธา เชื่อกันว่าเป็นวิหารไฟแห่งแรก ก่อนจะแพร่ลงไปใน อิหร่าน
ยานาร์แด๊ก (Yanar Dag)

Yanar Dag แปลว่าภูเขาแห่งไฟ เป็นภูเขาที่มีเปลวไฟลุกอยู่ตลอดเวลา ใต้ภูเขานี้อุดมไปด้วยก๊าซธรรมชาติ และมีก๊าซรั่วออกมาอยู่ตลอดเวลา คนท้องถิ่นเชื่อเมื่อกว่า 70-80 ปีที่แล้ว มีชาวสวนไปจุดไฟแถวนั้นแล้วเปลวไฟลอยไปโดนตรงที่มีก๊าซรั่วพอดี จึงเกิดไฟลุกขึ้นมา ตั้งแต่นั้นมาไฟบนภูเขานี้ก็ไม่เคยดับอีกเลย

อาเซอร์ไบจานเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยก๊าซธรรมชาติอย่างมากมายแบบขุดไปตรงไปก็เจอ คงประมาณว่าถ้าสำหรับไทยในน้ำมีปลาในนามีข้าว อาเซอร์ไบจานก็ในดินมีน้ำมันมั้ง 555
📷🚖📷🚘📷🚁📷🚗📷🚐📷🛴📷🚅📷🚢📷🛩️📷🚤📷⛵📷🛥️
ถ้าชอบช่วย Like, Comment และ Share เพื่อกำลังใจทำต่อด้วยครับบบบ ขอบคุณครับบบ
Comments